วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Review เที่ยวภูเก็ต ราึคาประหยัด ภาค เจ็บขา - Part 2

นอนพัก 1 คืน อาการเจ็บที่ขาดีขึ้น ....

ตอนเช้ามีรถมารับไปขึ้นเรือใหญ่ ที่อีกฝากของเกาะ
นั่งเรือใหญ่ไป บริการดี นะครับ มีน้ำ กาแฟ โค๊กกินได้ไม่อั้น อิอิ นั่งจิบไปเรื่อยๆ
ในเรือ เป็นเรือ 3 ชั้น + ด่านฟ้า 1 ชั้น (นั่งไม่ได้ ร้อนมากมาย 555)

ตอนแรก นั่งอยู่ชั้นที่ 3 ปรากฎว่า มีเด็กวิ่งไปวิ่งมา มายืนด้านหลังเอามือมาตีหัว น่าเบื่อมาก เลย หลบไปชั้นล่างสุด อิอิ ไม่ค่อยมีคน เพราะเสียงเครื่องยนต์จะดังกว่าชั้นอื่น แต่ถ้าเทียบกับเด็กวิ่งไปวิ่งมา สบายกว่าเยอะ อิอิ

แอบนอน ระหว่างเดินทาง จุดหมายแรก เกาะ พีพีดอน เรือ แวะมาส่ง ทัวอีกกรุ๊ปก่อน เราพวกชั้นประหยัด นั่งรอบนเรือต่อไป 555+

และแล้ว เรือก็ออกจากทาง ผ่านเกาะรังนก อ่าวโละซามะ อ่าวปิเละ แต่ลงไม่ได้เพราะเป็นเรือใหญ่

สุดท้ายมาได้ จอดที่ อ่าวมาหยา ที่ถ่ายทำ ภาพยนต์ The Beach แต่ไม่ได้ จอดที่หาด เขาจอดลอยลำไว้กลางอ่าวให้ ดำน้ำเล่น มี แว่นตาให้ แต่ตีนกบเช่าครับ ราคา 100 บาท ถ้าหายปรับ 1500 เหอะๆ รักษายิ่งชีพ งานนี้

ขึ้นมาจากดำน้ำ เหนื่อยมาก หิวก็หิว คราวนี้ เรือก็พาหลับไป พีพีดอน เพื่อกินข้าว อาหารก็ธรรมดามาก กินไม่ค่อยลงเพราะอากาศ ร้อนมากกกกกก....

หลังจากกินเสร็จแล้ว เขาปล่อยเดินเล่น แต่ไม่ไหว เดินแปบเดียวรีบกลับเรือ เพราะร้อนมากมาย จะร้อนไปไหนเนี้ย

ขากลับเป็นงานแล้ว ลงมนอนด้นล่าง

วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Review เที่ยวภูเก็ต ราึคาประหยัด ภาค เจ็บขา

เริ่มต้นของเรื่อง เกิดจาก รายการส่งเสริมการขายของแอร์เอเชีย ดังลดราคา ตั๋วเครื่องบิน เป็นราคา 0 บาท แต่เสีย ค่าธรรมเนียมสนามบินนิดหน่อย รวมแล้ว ไปกลับประมาณ คนละ 400 บาท คุณแฟนสุดที่รัก เลยเกิดความอยาก ชีพจรลงขา จะไปให้ได้ เลยจองซะ จองตั้งแต่ ปลายปีที่แล้ว จองบินสำหรับ ต้นพฤษภาคม

เมื่อถึงเวลา จองทัว phuket จากในเน็ตครับ ปรับ package ตามใจตัวเอง เพราะ ดันจองเที่ยวไปกลับเผื่อ 4 วัน 3 คืน แต่วันกลับ กลับตอนบ่ายโมง ทัวที่มี มีแต่ 2 วัน 1 คืน หรือ 3 วัน 2 คืนเท่านั้น เลยต้องปรับนิดนึง

การเดินทาง นั่ง taxi มาสนามบินสุวรรณภูมิ 260 บาท (T-T แพงกว่าค่าเครื่องไปอีก) เดินทางโดยเครื่องบิน แอร์เอเชีย ถึงสนามบินนานาชาติ ภูเก็ต ประมาณ 10 โมง มีรถของบริษัททัวมารับที่สนามบิน มารับไปส่งที่โรงแรม ระหว่างทางก็พาแวะ "พระผุด" ที่วัดพระทอง หรือ วัดพระผุด หรือวัดนาใน อ.ถลาง ตอนที่ไปนั้น ไม่ได้เห็นองค์จริง เพราะกำลังบูรณะ อยู่ เห็นแต่องค์จำลอง น่าเสียดาย


ต่อด้วยพาชมเมือง ไปดูศิลปะ ชิโนโปรตุกีส ที่เมืองภูเก็ต
หลังจากนั้น ไปชมวิวที่จุดชมวิว เขารัง วิวสวยมาก อากาศกำลังดี ไม่มีฝนตก อิิอิ ที่กรุงเทพตอนนั้น ตกทุกวัน



แวะไปวัด หลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง สถานที่สวยมาก แต่เดินไม่ไหว ขาบวม T-T อดเดินยังลงน้ำหนักไม่ได้ นั่งห้อยขามาทั้งวัน



ไปแวะกินข้าว ที่ร้านอะไรไม่รู้ จำไม่ได้ พี่คนขับรถเขาพาไป บรรยากาศ ร้านดีมากเลย

ร้านอาหาร และเม็ดมะม่วงหิมพานต์

ในระหว่างที่ ทัวเมืองก็จะมีพาไปดูไข่มุกและเม็ดมะม่วงหิมพานต์ หลังจากนั้น พอบอกพี่คนขับรถให้ไปส่งที่โรงแรมก่อนแล้วกัน เดินไม่ไหว ปวดขา แล้ว 5 โมง ค่อยมารับแล้วไปจุดชมวิว 3 อ่าว กับแหลมพรหมเทพ จุดสำคัญวันนี้ คือพระอาทิตย์ตกที่ แหลมพรหมเทพ ก่อนหน้านั้นไปพักเอาแรงที่โรงแรมก่อน ที่ที่หาด กะตะ

วิวหาดจากโรงแรม และห้องพัก

และแล้วก็ถึงยามเย็น พี่คนขับรถมารับ ไปจุดชมวิว และแหลมพรหมเทพ


รถที่มารับ ภาพจากจุดชมวิว 3 อ่าว และ มีคนเอานกเหยี่ยวมาให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป นี่แอบถ่ายมา เขาเก็บตังรูปละ 100

และสุดท้ายก็มาถึงแหลมพหรมเทพ มาก่อนเวลาพอสมควร ถ้ามาภูเก็ตต้องมาให้ได้ อ่ะชมรูปได้เลย




ภาพแรก เด็กน้อยที่เจอด้านบน อ้วนน่ารัก เป็น พรีเซ็นเตอร์มิชลินเลย 555+
ภาพ 2 จุดที่ชมวิวของแหลมพรหมเทพ ที่ๆชาวบ้านส่วนใหญ่อยู่
ภาพ 3 นึกอะไรไม่รู้ อยากลองลงไปดูบ้าง ทั้งที่ขาเจ็บ
ภาพ 4 นั่งเหนื่อย คิดในใจ "กุลงมาทำไมว่ะเนี้ย เจ็บขา T-T"
ภาพ 5 และแล้วก็หลวมตัวลงมาจนถึงปลายสุดแหลมเลย
ภาพ 6 มองกลับไป ไกลอยู่นะเนี้ย จะขึ้นไหวไหมเรา

หลังจากตะกายกลับขึ้นมาแล้ว ปวดหลังน่าดูเลย วันนั้น กลับโรงแรมนอน เก็บแรงไว้เที่ยวต่อพรุ่งนี้ ตาราง เกาะพีพี โดยเรือใหญ่ (ประหยัดกว่า speedboat)....